รู้ทันป้องกันโรคเบาหวาน
สังคมมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเบาหวานอยู่มาก และหลายคนคงจะอยากทราบว่าหาก
เป็นโรคเบาหวานแล้วจะสามารถหายจากโรคเบาหวานได้หรือไม่ วันนี้ uHealthy.co มีคำตอบมาให้ค่ะ
โรคเบาหวาน หรือ Diabetes คือโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกายคนเราที่ไม่สามารถผลิต
ฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือเกิดภาวะที่เรียกว่าต้านอินซูลินซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายนั้นมีระดับน้ำตาลใน
เลือดสูงกว่าปกติ
โรคเบาหวาน หรือ Diabetes แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่
- เบาหวานชนิดที่ 1 มักจะพบในเด็กหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยลักษณะภายนอกผู้ป่วยมักจะมีรูปร่างผอม โดยสาเหตุของโรคนั้นเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้จากผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งหมดพบผู้ป่วยเบาหวานประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 3.4 %
- เบาหวานชนิดที่ 2 พบมากถึง 95-97 % ของผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีภาวะอ้วนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมักจะพบในอายุ40 ปีขึ้นไป ซึ่งเบาหวานชนิดที่ 2 ตับอ่อนยังคงผลิตอินซูลินได้แต่มีภาวะดื้ออินซูลินซึ่งเกิดจากการที่เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ดังนั้นจึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- เบาหวานชนิดอื่นที่มีสาเหตุเฉพาะ ซึ่งมักจะมาจากความผิดปกติของพันธุกรรมอย่างโรคตับอ่อน ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือกระทั่งการได้รับยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
- เบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเบาหวานชนิดนี้ผู้ป่วยนั้นไม่เคยมีประวัติการเป็นเบาหวานมาก่อนแต่เมื่อตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนจากรกออกฤทธิ์ต้านอินซูลิน ส่งผลทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ทั้งนี้แล้วเบาหวานชนิดนี้พบว่าหลังคลอดลูกแล้วโรคเบาหวานจะหายไป แต่ก็อาจจะยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานขึ้นอีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการติดตามผลจากแพทย์ผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ อายุมาก ภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ความเครียดเรื้อรัง ขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ รวมไปถึงการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ตับอ่อนอักเสบ หัดเยอรมัน โรคตับอ่อน คางทูม เป็นต้น
อาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
มีดังนี้ผู้ป่วยจะตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน, ตาพร่ามัว, น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้จะทานเยอะ หรือทานเท่าเดิม, รู้สึกหิวน้ำบ่อยหรือหิวอาหารบ่อย, ทานอาหารมากกว่าปกติ, แผลหายช้า, ชาปลายมือปลายเท้า, ผิวแห้งและเกิดอาการคัน หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
เมื่อไรถึงต้องไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย
ตามปกติแล้วทุกคนควรตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อที่จะหาความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆอย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือถ้าไม่มีเวลาไปตรวจสุขภาพประจำปีให้สังเกตอาการของตัวเองหากมีอาการของผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณ 3 ข้อขึ้นไปให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยทันที
วิธีรักษาโรคเบาหวาน
ก่อนอื่นให้ศึกษาหรือสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเบาหวาน โดยจะเน้นทั้งการรักษาในด้านโภชนาการบำบัด และการออกกำลังกาย ควบคู่กับการทานยารักษาเบาหวาน และศึกษาวิธีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง การดูแลรักษาเท้าก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีภาวะเส้นเลือดแดงแข็งซึ่งทำให้ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงเท้าได้ นอกจากจะศึกษาข้อมูลเหล่านี้แล้วผู้ป่วยควรรักษาตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วยเพื่อเห็นผลที่ดียิ่งขึ้น
- ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การนอน การใช้ชีวิต เพื่อให้มีชีวิตที่ดีในระยะยาว
- ควบคุมอาหาร ซึ่งไม่ได้หมายถึงการงดอาหารต้องห้าม แต่ให้ค่อยๆลดปริมาณอาหารที่ไม่ควรทานทีละนิดๆ และหากสามารถควบคุมการทานอาหารของตัวเองได้แล้วก็ให้เลือกทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม และมีปริมาณน้ำตาลในแต่ละมื้อไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด
- หมั่นออกกำลังกายเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
- ยาจะเป็นเป็นลำดับสุดท้ายในการรักษา เพราะในกรณีที่ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาหาร ควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ในบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่ถ้าไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองจากการรับประทานอาหารและออกกำลังกายได้นั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการรักษาโดยใช้ยาซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบรับประทานและแบบฉีดโดยแพทย์จะพิจาณาตามความเหมาะสมของอาการของผู้ป่วย เนื่องจากแพทย์ต้องประเมินทั้งระดับน้ำตาลในเลือดและสภาวะการเจ็บป่วยอื่นๆที่พบร่วมด้วยในขณะนั้น
กล่าวโดยสรุป
โรคเบาหวาน หรือ Diabetes คือโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกายคนเราที่ไม่สามารถผลิต
ฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายนั้นมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติโดยแบ่งออกเป็น 4
ประเภทใหญ่ดังนี้ เบาหวานชนิดที่ 1 ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้, เบาหวานชนิดที่ 2 ตับอ่อนยังคงผลิต
อินซูลินได้ แต่มีภาวะดื้ออินซูลิน, เบาหวานชนิดอื่นที่มีสาเหตุเฉพาะ ซึ่งมักจะมาจากความผิดปกติของพันธุกรรม
และเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน ได้แก่ กรรมพันธุ์ อายุมาก ภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์
ความเครียดเรื้อรัง ขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ และอาการของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เห็นได้ชัดคือ ตาพร่ามัว,
น้ำหนักตัวลดลงแม้จะทานเยอะ หรือทานเท่าเดิม, รู้สึกหิวน้ำบ่อยหรือหิวอาหารบ่อย, ทานอาหารมากกว่าปกติ,
แผลหายช้า เป็นต้น
สามารถรักษาโรคเบาหวานให้หายได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การนอน การใช้ชีวิต หมั่นออก
กำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยารักษาเป็นวิธีสุดท้าย
แล้วพบกันใหม่กับสาระดี ๆในบทความเพื่อสุขภาพ เรื่องราวการดูแลสุขภาพจาก uHealthy.co ใน
บทความต่อไปกันนะคะ