ปวดท้องน้อย บ่งบอกถึงโรคอะไร อันตรายมากแค่ไหน

471
ปวดท้องน้อย
ปวดท้องน้อย

วันนี้ uHealthy.co จะมาคุยเรื่องอาการปวดท้องน้อย อาการปวดท้องน้อยมักเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายก็เป็นได้เช่นกัน เนื่องจากบริเวณท้องน้อยในร่างกายผู้หญิงภายในเป็นที่อยู่ของมดลูก รังไข่ และกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเกิดความผิดปกติใดๆขึ้นย่อมส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องได้ทันที แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นทุกเดือน เช่น การมีประจำเดือน ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการปวดท้องน้อยในผู้หญิงได้มากที่สุด แต่หากเกิดอาการปวดท้องน้อยในผู้ชาย หมายถึงความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ อย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะ กรวยไต และไตนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดอาการปวดท้องน้อยขึ้นมาเราไม่ควรนิ่งนอนใจต้องตรวจและรักษานะคะ

ปวดท้องน้อย บ่งบอกถึงโรคอะไร อันตรายมากแค่ไหน

อาการปวดท้องน้อยเกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้าง

ในทางการแพทย์ได้แบ่งอาการปวดท้องน้อยออกเป็น 3 ประเภท

1.ปวดท้องน้อยแบบเฉียบพลัน อาการปวดท้องน้อยแบบเฉียบพลันเป็นอาการปวดที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นโดยไม่มีความผิดปกติใดๆส่งสัญญาณผิดปกติก่อนหน้า และพอเกิดขึ้นแล้วก็จะมีการคลื่นไส้อาเจียนร่วมกับการเป็นลมหมดสติตามมา โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของอวัยวะต่างๆที่อยู่ภายในช่องท้อง เช่น มดลูกอักเสบ ลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และโรคนิ่วในท่อไต จนเป็นเหตุให้มีการขาดเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะส่วนต่างๆ นอกจากนี้หากเกิดอาการปวดท้องแบบเฉียบพลันในผู้หญิงอาจมีสาเหตุมาจากความผิดผิดปกติของรังไข่ และการตั้งครรภ์นอกมดลูก ไม่ควรทิ้งไว้นาน แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันทีเพราะอาจจะเป็นความผิดผิดปกติของรังไข่ หรือการตั้งครรภ์นอกหมดลูกก็ได้

  1. ปวดท้องน้อยแบบซ้ำๆ อาการปวดท้องน้อยประเภทนี้สามารถพบได้ในเพศหญิงเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการไข่ตกและกลายเป็นประจำเดือนในเวลาต่อมา ดังนั้นหากพบในผู้ชายก็สงสัยแล้วว่าคุณกำลังมีความผิดปกติบางอย่างในร่างกายแน่นอน หรือในผู้หญิงถ้าปวดมากผิดปกติและมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีตกขาวเป็นสีขุ่น เหลือง และมีกลิ่นแรง ถ้ามีกลิ่นแรง รีบไปพบแพทย์ทันทีอย่าทิ้งไว้เพราะอาการที่มีกลิ่นแรงเหล่านี้อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ถ้าเราไม่รีบรักษา
  2. ปวดท้องแล้วแบบเรื้อรัง เป็นอาการปวดท้องน้อยที่สามารถพบได้มากที่สุด และมีปัญหาในการวินิจฉัยโรคมากที่สุด เพราะผู้ป่วยมักปวดแบบเป็นๆหายๆ เมื่อมีอาการก็จะบอกไม่ตรงกัน แพทย์จึงไม่สามารถหาสาเหตุที่ถูกต้องได้จนมีอาการรุนแรงถึงที่สุด อย่างไรก็ตามแพทย์ก็สามารถสรุปได้ว่าการปวดท้องน้อยแบบเรื้อรังเกิดขึ้นได้จากสาเหตุ คือ เป็นโรคลำไส้แปรปรวน และมีพังผืดขึ้นในช่องท้อง แต่หากเกิดในผู้หญิงจะมีสาเหตุที่เพิ่มเข้าไปอีก คือ เป็นโรคช็อกโกแลตซีส เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดปกติ หรือเกิดขึ้นผิดที่ เนื้องอกบริเวณมดลูก ถุงน้ำรังไข่ และลำไส้ใหญ่ โดยอาจมีการพัฒนากลายเป็นมะเร็งต่อไปได้

ผลกระทบจากอาการปวดท้องน้อยมีอะไรบ้าง

หากคุณปล่อยให้มีอาการปวดท้องน้อยเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้กลางคืนไม่ได้พักผ่อน นอนไม่หลับ เพราะการป่วยมันจะเป็นมากทำให้ร่างกายป่วยตลอดแล้วก็นอนไม่หลับ นอกจากนอนไม่หลับแล้วก็สามารถทำให้เกิดความเครียดได้ด้วย ทำให้ต้องลาเรียน ลางาน ในกรณีนี้จะพูดถึงโรคปวดท้องน้อยแบบเรื้อรังที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดตลอดเวลาบางครั้งรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงหลัง ต้นขา และก้น จนทำให้ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ หากเป็นบ่อยๆหรือเป็นระยะนานโดยไม่มีการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ไม่ว่าจะนั่ง นอน ทำงาน เดิน หรือแม้กระทั่งเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ บางคนปวดท้องน้อยมากจนต้องลาออกจากงานมาเพื่อดูแลรักษาตัวเอง และที่กระทบมากๆคือการปวดท้องจนเครียดเพราะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มันอาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนคิดอยากทำร้ายตัวเองได้เช่นกัน

วิธีการรักษาอาการปวดท้องน้อยมีอะไรบ้าง

อาการปวดท้องน้อยจะต้องรักษาอย่างเดียวถึงจะดีขึ้นซึ่งแพทย์เค้าจะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด  แพทย์จะต้องทราบประวัติเราอย่างละเอียด และตรวจร่างกายอย่างละเอียดบางครั้งการตรวจร่างกายธรรมดาอาจจะไม่เพียงพอ อาจจะต้องมีการตรวจพิเศษ เช่น เอกซเรย์หรือตรวจบางอย่างเพื่อที่จะหาสาเหตุให้ชัดเจนว่าเป็นอะไร และทำการรักษาอย่างถูกต้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไข้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคนไข้คือให้ความร่วมมือในการตรวจรักษาอย่างเต็มที่และต้องไปตามนัดทุกครั้งตามที่แพทย์นัด การรักษาด้วยวิธีต่างๆแตกต่างขึ้นอยู่กับว่าเป็นจากสาเหตุใด ความรุนแรง อายุของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษาดังนี้

  1. รักษาด้วยยา ซึ่งมีทั้งยาทา และยาฉีดยาทั่วไปที่แพทย์อาจจะมักใช้ในการรักษาโรคปวดท้องน้อยก็คือ ยาลดการอักเสบ ยาปฏิชีวนะ และในเพศหญิงบางครั้งอาจจะใช้ยาคุมกำเนิด
  2. บางรายอาการรุนแรงอาจจะต้องผ่าตัด หากมีอาการรุนแรงและมีสาเหตุของโรคที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีเนื้องอกขึ้นตามอวัยวะต่างๆก็จำเป็นที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น อย่างไรก็ตามแพทย์จะทำการวินิจฉัยอีกทีว่าควรรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดหรือไม่
  3. การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ นอกจากวิธีการดังกล่าวแล้วยังสามารถรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ทำกายภาพบำบัด เพื่อรักษาอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายด้วยวิธีต่างๆ รวมไปถึงการฝึกบุคลิกภาพแบบใหม่

กล่าวโดยสรุป

ปวดท้องน้อยหลายคนไม่รู้ว่าเป็นอะไร บางคนทิ้งเอาไว้นานแนะนำว่าให้ไปตรวจ และการตรวจที่ดีให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล เนื่องจากเครื่องมือพร้อมนอกจากการตรวจการตรวจร่างกายการซักประวัติแล้ว อาจจะมีการตรวจละเอียดนอกจากเอกซเรย์ เพราะฉะนั้นการที่เราไปตรวจในโรงพยาบาลมีเครื่องมือพร้อมเราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปหลายๆเที่ยว แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพราะแพทย์จะพิจารณาการตรวจที่เหมาะสม  เพราะฉะนั้นการให้ประวัติ การซักประวัติกับแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญมากๆคือให้เราจดรายละเอียดการปวดให้ละเอียด เช่น การทานอาหารที่ส่งผลต่อการปวด หรือว่าปวดตลอดเวลา หรือว่าปวดเป็นบางเฉพาะเวลา หรือปวดแบบเหมือนมีอะไรมากระตุ้น นอนอยู่เฉยๆก็ปวด แนะนำให้จดอาการปวดให้ละเอียดเพื่อทำให้การวินิจฉัยโรคของแพทย์สะดวกรวดเร็วมากขึ้นนะคะ

แล้วพบกันใหม่กับสาระดี ๆในบทความเพื่อสุขภาพ เรื่องราวการดูแลสุขภาพจาก uHealthy.co ในบทความต่อไปกันค่ะ