ว่านหางจระเข้  สารพัดประโยชน์ สารพัดสรรพคุณ

689
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ ถ้าเอ่ยชื่อขึ้นมาทุกคนคงรู้เลยว่าว่านหางจระเข้มีประโยชน์มากมายวันนี้ uHealthy.co เลยรวบรวมประโยชน์ของว่านหางจระเข้มาให้ทุกคนได้รู้ซึ่งอาจจะมีบางข้อที่คุณก็ไม่เคยรู้มาก่อนจะมีประโยชน์หรือสรรพคุณอย่างไรบ้างไปติดตามกันเลยค่ะ

ว่านหางจระเข้ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์  คือ Aloe vera (L.) Burm.f. ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์ XANTHORRHOEACEAE อีกทั้งอยู่ในวงศ์ย่อย ASPHODELOIDEAE สมุนไพรว่านหางจระเข้ มีชื่อท้องถิ่นอย่างทางภาคเหนือว่า ว่านไฟไหม้ ส่วนทางภาคกลาง เรียกว่า หางตะเข้

สมุนไพรไทยที่มีหน้าตาคล้ายกับหางแหลมของจระเข้ซึ่งเรียกว่าวุ้นว่านหางจระเข้ หลายคนนิยมปลูกกันมากทและว่านหางจระเข้คือพืชชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุกสีเขียว มีลักษณะลำต้นเป็นข้อปล้อง ใบเดียวหนายาว ขอบใบใหญ่ปลายแหลมขอบมีหนามห่างกันเป็นระยะเรียงเป็นชั้น ข้างในใบเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อนมีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองที่ปลายยอดได้ และที่สำคัญคือมีประโยชน์มากมายที่คาดไม่ถึง

สารพัดประโยชน์ สารพัดสรรพคุณของว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้

สรรพคุณแบ่งออกเป็นประโยชน์ภายนอกดังนี้

  1. ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสดๆของว่านหางจระเข้ผสมกับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดดจะช่วยป้องกันแสงแดดได้ แต่หากเกิดรอยไหม้หลังจากออกแดดแล้วให้ใช้บริเวณที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีให้ผสมกับน้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอกจะช่วยลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป
  2. บรรเทาโดยการทารอยไหม้จากหลังการใช้แสงของผู้ป่วยโดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโมจะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนและทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  3. รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวกโดยปลอกเปลือกนอกนำบนสุดภายในไปล้างยางออกให้สะอาดแล้วนำไปประคบแผลตลอดสองวันแรก แต่ต้องทำให้สะอาดจะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนสมานแผลให้เร็วขึ้น แล้วก็ไม่ทิ้งร่องรอยของแผลเป็นอีกด้วย
  4. สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอกหากได้รับบาดเจ็บจากของมีคมให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ที่มีเมือกอยู่แปะลงไปจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้น
  5. รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุตนำวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแปะลงบนบริเวณที่เกิดโรคหมั่นเปลี่ยนเนื้อวุ้นบ่อยๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งจะเกิดดูบุ๋มขึ้นโดยให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบประคบต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ประคบด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผลมันจะแห้งลงและสะอาดขึ้น
  6. รักษาโรคริดสีดวงทวารทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้วก็นำวุ้นไปแปะลงบนแผลหากเป็นที่ทวารหนักให้ปลอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วก็ล้างให้สะอาดนำไปแช่เย็นให้แข็งเพื่อสอดเหน็บในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้งอาการริดสีดวงทวารก็จะดีขึ้น
  7. แก้ปวดศรีษะตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้นถือใบสุดแล้วนำวุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอยตามจุดที่ปวดจะบรรเทาอาการปวดศรีษะได้
  8. บรรเทาอาการปวดฟันตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งๆเล็กๆประมาณ 2-3 เซนติเมตรนำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไปก็ได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีอาการปวดจะค่อยๆบรรเทาลง

สรรพคุณภายในมีดังนี้

1.ก่อนอื่นต้องปลอกเปลือกว่านหางจระเข้นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้สะอาดก่อน แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะวันละ 2 ครั้งจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี

  1. ใช้เป็นยาถ่ายแต่ต้องทำความสะอาดให้เป็นอย่างดี ถ้าใครมีอาการผิดปกติอย่างไรต้องรีบไปปรึกษาแล้วพบแพทย์ทันที การใช้เป็นยาถ่ายก็คือรับประทานแบบสดๆได้เลย หรือตัดวุ้นที่ทำความสะอาดแล้วเป็นขนาด 3-4 เซนติเมตรแล้วแบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้ง
  2. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อโดยนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วนำไปแช่ตู้เย็นแล้วก็รับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่างๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้นและน้ำวุ้น หากอยากรับประทานง่ายขึ้นก็สามารถนำไปปั่นหรือทำเป็นน้ำว่านหางจระเข้ก็จะช่วยบรรเทาการปวดได้เช่นกัน
  3. ป้องกันโรคเบาหวานตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตรนำไปรับประทานทุกวัน หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้เพื่อรับประทานก็ได้ด้วย อาการเบาหวานจะทุเลาลงสำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกันสามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยลงได้
  4. แก้และป้องกันอาการเมารถเมาเรือ ใครที่มีอาการเมารถเมาเรืออยู่เป็นประจำให้รับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้หรือน้ำว่านหางจระเข้ก่อนออกเดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลง แต่หากเกิดอาการเมารถเมาเรือขึ้นแล้วลองทานน้ำว่านหางจระเข้เย็นๆแล้วนั่งพักสักครู่จะรู้สึกดีขึ้น

ประโยชน์ด้านความงามของว่านหางจระเข้มีดังนี้

  1. บำรุงผิวกายเพียงแค่นำว่านหางจระเข้าสดมาปลอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาดหลังจากนั้นหั่นเป็นชิ้นนำไปไว้ในถุงผ้าก๊อซขนาดเล็กและนำไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ หรือถ้าไม่มีถุงผ้าก๊อซให้นำวุ้นไปแช่ในอ่างอาบน้ำเลยก็ได้ โดยระหว่างอาบน้ำให้ใช้เนื้อวุ้นถูตามส่วนต่างๆของร่างกายเน้นที่รอยแห้งกรานอย่าง ข้อศอกหัวเข่า ส้นเท้า จะช่วยทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มและเต่งตึงขึ้นได้
  2. รักษาสิวและรอยด่างดำประโยชน์ข้อนี้สำหรับคนที่อยากหน้าใสว่านหางจระเข้ทำได้ดีมาก เพราะว่าว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อและมีกรดอ่อนๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นำวุ้นที่ล้างสะอาดทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้งใช้เวลาซัก 1-2 เดือนจะเริ่มเห็นว่าผลของรอยต่างๆดูจางลงมากๆ
  3. บำรุงเส้นผมของเราให้เงางาม แล้วก็ช่วยขจัดรังแค ตัดใบสดๆมาทาลงบนเส้นผมหรือถ้าไม่สะดวกให้นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปปั่นให้ละเอียดเพื่อใช้งานได้ดีขึ้น จากนั้นเราก็นำมาชโลมบนหัวของเราเพื่อให้ผมของเราเงางามดูสลวย แล้วก็นวดบริเวณหน้าผากจะช่วยให้ทำให้รู้สึกเย็น ช่วยบำรุงหนังศีรษะรักษาแผลบนศรีษะและขจัดรังแคได้อีกด้วย
  4. เติมน้ำให้ผิวคือเติมความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าและผิวกาย โดยผิวหน้าและผิวกายมักจะค่อยๆลดลงตามวัยตามสไตล์ของคนเรา ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตกันไปแตกต่างกัน บางคนก็อยู่ในห้องแอร์ผิวก็จะขาดความชุ่มชื้นหากนำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาพอกหน้าก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิวของเราได้ โดยล้างวุ้นให้สะอาดแล้วฝานบางๆมาคลุกทั่วหน้าหลับตารอซักประมาณ 15 นาที แล้วก็ไปล้างหน้าให้สะอาด หลังจากนั้นผิวของเราก็จะชุ่มชื้น และถ้าหากใช้กับผิวกายก็ลองนำเนื้อไปปั่นหยาบๆแล้วมาทาผิวกาย พอกไว้จะรู้สึกผ่อนคลายมากๆ

กล่าวโดยสรุป

ว่านหางจระเข้ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์  คือ Aloe vera (L.) Burm.f. ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์ XANTHORRHOEACEAE อีกทั้งอยู่ในวงศ์ย่อย ASPHODELOIDEAE สมุนไพรว่านหางจระเข้ มีชื่อท้องถิ่นอย่างทางภาคเหนือว่า ว่านไฟไหม้ ส่วนทางภาคกลาง เรียกว่า หางตะเข้ สมุนไพรไทยที่มีหน้าตาคล้ายกับหางแหลมของจระเข้ซึ่งเรียกว่าว่านหางจระเข้ หลายคนนิยมปลูกกันมาก สรรพคุณของว่านหางจระเข้มีมากมายหลายอย่างซึ่งสามารถใช้ได้อย่างสะดวกแล้วก็เป็นสมุนไพรที่หากทำเป็นผลิตภัณฑ์แล้วเราสามารถตรวจเช็คความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ก่อนนำมาใช้ ซึ่งจะช่วยหลายๆอย่าง เพราะว่าเคยมีเจลว่านหางจระเข้ซึ่งสรรพคุณ คือเพื่อทาใต้ตาบำรุงผิวหน้าเพิ่มความชุ่มชื่น หรือครีมว่านหางจระเข้บอกเลยว่ามีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์เข้มข้น ซึ่งตรงนี้สำหรับคนที่หน้ามันก็จะไม่เหมาะเท่าไหร่จะเหมาะสำหรับคนที่หน้าแห้งซะมากกว่า ดังนั้นเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมตามความต้องการของร่างกายเพื่อความปลอดภัยกันกันนะคะ

แล้วพบกันใหม่กับสาระดี ๆในบทความเพื่อสุขภาพ เรื่องราวการดูแลสุขภาพจาก uHealthy.co ในบทความต่อไปกันค่ะ