โยคะเบื้องต้น : ต้องยอมรับว่าการลดน้ำหนักอีกวิธีที่ทำได้ง่ายคือการออกกำลังกายด้วยโยคะเบื้องต้น สามารถเห็นผลได้จริง การออกกำลังกายแบบโยคะเบื้องต้นถือว่าเป็นการลงทุนที่น้อยมาก แค่เรามีต้องมีเสื่อโยคะดีๆ แล้วก็มีใจที่อยากออกกำลังกาย เราก็สามารถทำได้แล้ว วิธีออกกำลังกายด้วยโยคะเบื้องต้นต้องเริ่มยังไง วันนี้ uHealthy.co จะนำเกร็ดความรู้ด้านนี้มาบอกกันค่ะ และถ้าทำเป็นประจำจะส่งเสริมให้สุขภาพโดยรวมของร่างกายดีขึ้นแน่นอน ได้ทั้งสุขภาพดี และหุ่นเพรียวบอกเลยคุ้ม
โยคะเบื้องต้น ทำได้สะดวกทุกที่ ให้ผลดีต่อร่างกาย
ต้นกำเนิดของโยคะมาจากประเทศอินเดีย เดิมทีโยคะเป็นการขยับร่างกายเพื่อทำให้ฝึกสมาธิ บริหารจิต ด้วยวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าและออก ในเวลาต่อมาเมื่อถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางประเทศทางด้านตะวันตกจึงได้นำโยคะมาเป็นหนึ่งในวิธีออกกำลังกาย ซึ่งโยคะจะเน้นให้เกิดความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของร่างกายและกระดูกสันหลัง การโยคะนานเป็นเวลา 30 นาที จะสามารถเผาผลาญพลังงาน และไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ถึงมาก 250 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว
5 ท่าโยคะเบื้องต้นเหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่น บอกเลยว่าโยคะนั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ อีกทั้งยังเหมากับทุกเพศ ทุกวัย ทุกคนอีกด้วย มี 5 ท่าโยคะเบื้องต้นดังนี้
ท่าที่ 1 ท่า Warm Up
ท่าวอร์มอัพเป็นท่าเริ่มต้นในการทำโยคะสำหรับเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย ท่าวอร์มอัพเป็นท่าโยคะเบื้องต้นมากดังนั้นจึงเป็นท่าท่าที่ไม่ยาก จะเน้นการยืดเหยียดให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ดังท่าต่อไปนี้ เช่น ท่าวัว หรือ Cow ท่านี้จะทำให้บรรเทาคลายอาการปวดหลังได้อย่างดีมาก หากใครที่มีอาการแบบออฟฟิศซินโดรม หรือปวดหลังอยู่บ่อยๆท่านี้จะตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เริ่มด้วยอิริยาบถนอนคว่ำในท่าคลานเข่า โดยเข่าทั้งสองข้างต้องห่างกันเท่ากับช่วงไหล่ แล้ววางฝ่ามือแนบลงพื้น เหยียดแขนให้ตรง เงยหน้าและศีรษะขึ้น กดลำตัวหลังให้โค้งลง แล้วกดหน้าท้องให้ลงด้านล่าง
ท่าที่ 2 ท่า BALANCE
ท่า BALANCE เป็นท่าสำหรับการทรงตัว เป็นท่าฝึกโยคะเบื้องต้นเพื่อจัดระเบียบร่างกายของตนให้เกิดความสมดุลกัน ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งที่ไม่ถูกต้องได้อีกด้วย ดังท่าต่อไปนี้ เช่น ท่าต้นไม้ (Tree) ท่านี้จะทำให้จิตใจสงบ ช่วยฝึกสมาธิ เริ่มด้วยอิริยาบถยืนให้ตัวตรง โดยให้เท้าทั้งสองฝั่งชิดกัน หลังยืดให้ตรง วางแขนและมือให้แนบชิดกับลำตัว หลังจากนั้นให้ยกขาขวาขึ้นแล้วใช้มือจับข้อเท้าโดยวางด้านในบนต้นขาด้านซ้าย เพื่อช่วยทรงตัวไม่ให้ล้ม แล้วยกมือขึ้นพนมไว้ที่กลางหน้าอก หายใจเข้าทางจมูกให้ลึกๆ แล้วหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ
ท่าที่ 3 ท่า STRENGTH
ท่า STRENGTH เป็นท่าฝึกโยคะเบื้องต้นเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย ท่า STRENGTH เป็นท่าที่ใช้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกาย ดังท่าต่อไปนี้ เช่น ท่านักรบ หรือเรียกอีกชื่อว่า WORRIOR ท่านี้ทำได้ไม่ยากเพราะเป็นท่าพื้นฐาน แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เริ่มด้วยอิริยาบถยืนตรง กางขาออกให้ห่างจากไหล่ 3-4 ช่วง แล้วพนมมือไว้ตำแหน่งระหว่างอก หลังจากนั้นให้หันเท้าขวาไปทางด้านขวา 90 องศา กันเท้าซ้ายเอียงตามด้านขวาเล็กน้อย แล้วให้หันหน้ากับบิดสะโพกไปทางด้านขวา ส่วนเข่าซ้ายเหยียดเอาไว้ตรง ค่อยๆลดสะโพกลง แล้วงอเข่าขวา จากนั้นก็ยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อผ่อนคลายลำตัวทั้งหมด หายใจเข้าทางจมูกให้ลึกๆ แล้วหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ
ท่าที่ 4 ท่า BACKBENDING
ท่า BACKBENDING เป็นท่าฝึกโยคะเบื้องต้นเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายส่วนหลัง ท่า BACKBENDING ดังท่าต่อไปนี้ เช่น ท่างู เริ่มด้วยอิริยาบถนอนคว่ำอยู่กับพื้น เท้าเหยียดตรง มือทั้งสองข้างวางไว้ข้างลำตัวในระดับไหล่ แล้วหันหน้าไปข้างได้ข้างหนึ่งก็ได้สักข้างนึง หายใจเข้าทางจมูกพร้อมกับหันหน้าตรง แล้วเอาคางจรดติดพื้น ใช้มือยันกับพื้นแล้วเหยียดข้อศอกเพื่อ ยกศีรษะ ยกไหล่ ยกเอวให้สูง แล้วเงยหน้าไปทางด้านหลัง ให้ทำท่านี้ค้างไว้ 15-30 วินาที ให้หายใจปกติขณะค้างท่านี้เอาให้ แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงบนพื้นช้าๆ แล้วหายใจออกทางปาก
ท่าที่ 5 ท่า COOL DOWN
ท่าสุดท้ายของโยคะเบื้องต้น คือท่า COOL DOWN เป็นการปรับสมดุลร่างกายสำหรับก่อนการหยุดพัก ท่านี้สำคัญมาก เพราะเป็นท่าที่จะช่วยลดความเหนื่อยจากท่าต่างๆได้ ท่า COOL DOWN ดังท่าต่อไปนี้ ท่าศพ หรือเรียกอีกชื่อว่า ท่าSavasana งู เริ่มด้วยอิริยาบถนั่งชันเข่า แล้วเอามือทั้งสองข้างยันกับพื้น แล้วค่อยๆเอนตัวนอนลง จากนั้นเหยียดแขนออกเล็กน้อย เพื่อผ่อนคลายร่างกาย หายใจเข้าทางจมูกให้ลึกๆ แล้วหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ
กล่าวโดยสรุป
ต้นกำเนิดของโยคะมาจากประเทศอินเดีย เดิมทีโยคะเป็นการขยับร่างกายเพื่อทำให้ฝึกสมาธิ บริหารจิต ด้วยวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าและออก ต่อมาเมื่อถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางประเทศทางด้านตะวันตกจึงได้นำโยคะมาเป็นหนึ่งในวิธีออกกำลังกายนั่นเอง แต่ถ้าใครไม่ใช่สายโยคะเราก็มีบทความดีๆมาแนะนำเกี่ยวกับเครื่องออกกำลังกายอย่าง Cross Trainer ซึ่งเพื่อนๆสามารถเข้าไปดูรายละเอียกเครื่องออกกำลังกายตัวนี้ได้ที่ https://uhealthy.co/510 เลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับสาระดี ๆในบทความเพื่อสุขภาพ เรื่องราวการดูแลสุขภาพจาก uHealthy.co ในบทความต่อไปกันนะคะ