เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง! 7 วิธีช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น

540

ภูมิคุ้มกันช่วยให้แข็งแรง! ในช่วงที่ไวรัสโคโรน่ากำลังระบาดไปทั่วโลก การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ โดยเฉพาะการเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงพอที่จะพร้อมสู้กับไวรัสหรือเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงก็คือ การนอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การต้องใช้ชีวิตในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่อาจทำให้หลายคนข่มตานอนไม่หลับ ความเครียดหรือความกังวลที่เกิดขึ้นสามารถทำให้เรานอนหลับได้ยากขึ้น สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ ลองมาดูวิธีที่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นกันดีกว่า

1.เตรียมสมองให้โล่งเข้าไว้

หลายคนอาจนอนไม่หลับอาจเพราะมีเรื่องกลุ้มใจ ถ้าอยากนอนหลับได้เร็ว อันดับแรกคือ ควรทำสมองให้โล่งเข้าไว้ หากยังปล่อยให้ความเครียดหรือความวิตกกังวลเข้าครอบงำ ก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่สามารถข่มตานอนได้ อย่างไรก็ดี หากรู้สึกอัดอั้นใจ วิธีที่อาจช่วยปลดปล่อยคุณได้ก็คือ การจดสิ่งที่คุณกำลังกังวลในสมุดโน้ต เมื่อได้ระบายสิ่งที่อยู่ในสมองผ่านปลายปากกา ก็อาจช่วยให้รู้สึกโล่งขึ้น และสามารถจัดการกับสิ่งที่กังวลในเช้าวันถัดไป

2.นอนในห้องที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

การที่คุณจะนอนหลับได้สนิทตลอดทั้งคืนนั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม การนอนท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ หรือมีแสงไฟส่องสว่าง ก็อาจทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น ดังนั้นพยายามรักษาอุณหภูมิในห้องนอนให้อยู่ในระดับที่เย็นสบาย และนอนในห้องที่มืดสนิท เพราะความมืดมีส่วนทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีบทบาทในวงจรการนอนหลับ หรือการตื่นนอนของมนุษย์

3.หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน

การนอนเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอนอาจทำให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้น เพราะแสงสีน้ำเงิน หรือ Blue Light ที่ออกมาจากหน้าจอจะทำให้กิจกรรมในสมองเพิ่มขึ้น (Brain Activity) อย่างไรก็ตาม หากอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น ก็อาจตั้งค่าความสว่างของหน้าจอให้ลดลง หรือปรับหน้าจอเป็นโหมดกลางคืน

4.ลงทุนกับฟูกนอนดี ๆ

หากนอนได้คืนละ 6-8 ชั่วโมง เท่ากับว่าในแต่ละปีนั้น คุณได้ใช้เวลาอยู่บนเตียงเกือบประมาณ 3,000 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกฟูกนอนที่ดีและมีคุณภาพ โดยเฉพาะการใช้ฟูกที่ช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่วงท่าที่เหมาะสม และป้องกันอาการปวดหลังและคอ หากร่างกายอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายตลอดคืน

5.ระวังอาหารที่ทาน

ชนิดของอาหารและเวลาที่คุณทานสามารถส่งผลต่อการนอน ทั้งนี้การทานอาหารที่กระตุ้นสมองอย่างคาเฟอีนและน้ำตาลก่อนเข้านอนสามารถทำให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้น ในทางกลับกัน การดื่มนมอุ่น ๆ หรือชาคาโมมายล์สักแก้วก่อนเข้านอนสามารถทำให้คุณง่วงนอนได้ นอกจากนี้ให้พยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหารแบบจัดเต็มก่อนเข้านอน เพราะอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และกระสับกระส่าย เพราะร่างกายจะทำงานหนักขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารถูกย่อยหมดแล้ว

6.นวดกดจุด

เสริมภูมิคุ้มกันกับการนวดบางส่วนของร่างกายจะช่วยให้คุณผ่อนคลายและนอนหลับได้เร็วขึ้น ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยออกแรงกดบริเวณที่อยู่ระหว่างคิ้วเป็นเวลา 1 นาที หรือกดบนเท้าบริเวณที่อยู่ระหว่างนิ้วโป้งเท้าและนิ้วชี้ นอกจากนี้คุณอาจนวดใบหูทั้งสองข้างประมาณ 1 นาที

7.ใช้วิธีจิตวิทยาย้อนกลับ (Reverse Psychology)

การพยายามบังคับตัวเองให้นอนอาจยิ่งทำให้บางคนนอนไม่หลับไปกันใหญ่ อย่างไรก็ดี กรณีนี้คุณอาจใช้วิธีที่เรียกว่า Reverse Psychology หรือจิตวิทยาย้อนกลับ ซึ่งเป็นวิธีตรงกันข้าม คุณอาจอ่านหนังสือ หรือคิดเรื่องที่ซับซ้อน เมื่อสมองเริ่มเหนื่อยล้า คราวนี้ก็อาจทำให้คุณนอนหลับไปเองโดยไม่ต้องฝืน

การนอนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่นอนว่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพตามมานับไม่ถ้วน ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ ถ้าลองใช้วิธีที่แนะนำข้างต้นแล้ว แต่ก็ยังไม่เวิร์ค ก็อย่ารีรอที่จะไปพบแพทย์ เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

รวมบทความดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพ การออกกำลัง โรคและการป้องกัน สาระดีๆ ที่ต้องรีบแชร์ต่อ
uHealthy.co ( ยู เฮลท์ตี้ )