เครียดจนกินจุระหว่างเก็บตัวอยู่บ้าน ป้องกันอย่างไรดี? ที่นี่มีคำตอบ

ในระหว่างที่ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 กำลังระบาด การเก็บตัวอยู่บ้าน และออกไปข้างนอกเฉพาะยามจำเป็น ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การอยู่บ้านเป็นเวลานานโดยไม่ได้พบปะผู้คน หรือการไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ก็สามารถทำให้พฤติกรรมบางอย่างของเราเปลี่ยนไป บางคนอาจมีภาวะเครียด หรือรู้สึกเบื่อจนทำให้ตัวเองเผลอทานอาหารมากกว่าเดิม แม้ว่าเป็นปฏิกิริยาตามปกติที่ร่างกายตอบสนองต่อความเครียด แต่หากทานอาหารมากเกินไปเป็นประจำ ก็สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพ ลองมาดูพร้อมกันดีกว่าว่าเราจะรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างไร

1.เก็บอาหารให้พ้นสายตา

การวางกล่องขนมหรืออาหารไว้ในจุดที่สายตามองเห็น อาจทำให้คุณเผลอไปหยิบอาหารมาทานแม้ว่าไม่ได้รู้สึกหิวในขณะนั้น ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า การมองเห็นอาหารที่มีแคลอรีสูงจะไปกระตุ้นสมองส่วน Striatum ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความต้องการของเรา ส่งผลให้รู้สึกอยากทานอาหารมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมควรนำของหวาน หรือขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ไปไว้ให้ไกลจากสายตา เช่น อาจนำอาหารเหล่านี้ไปเก็บไว้ในห้องครัวหรือตู้เก็บของ

2.อย่าอดอาหาร

หนึ่งในวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานอาหารมากเกินไปก็คือ การไม่ปล่อยให้ร่างกายหิวโซ เพราะบ่อยครั้งที่การจำกัดการทานอาหารอย่างเข้มงวด หรือการทานอาหารที่มีแคลอรีน้อยเกินไป สามารถทำให้เกิดความรู้สึกอยากทานอาหารที่มีแคลอรีสูง สุดท้ายก็อาจจบลงด้วยการทานอาหารแบบจัดเต็ม นอกจากนี้มีงานวิจัยพบว่า การจำกัดการทานอาหารไม่เพียงแต่ทำให้การลดน้ำหนักในระยะยาวไม่มีประสิทธิผลเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต อีกทั้งยังทำให้ระดับความเครียดเพิ่มขึ้น

3.ทำอาหารเอง

แม้ว่าในปัจจุบันเราสามารถสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ได้จากหลายช่องทาง แต่มีงานวิจัยพบว่า การทำอาหารทานเองที่บ้านกลับช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เช่น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีผู้เข้าร่วมวิจัย 11,396 คน พบว่า การทำอาหารทานเองเป็นประจำมีความสัมพันธ์กับการทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ทานอาหารแบบทำเองมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนลดลง และมีไขมันส่วนเกินลดลง 28% และ 24% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับคนที่ทานอาหารแบบทำเองน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์

4.ดื่มน้ำ

การดื่มน้ำอย่างเพียงพอสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม ความจริงแล้วมีงานวิจัยที่พบความสัมพันธ์ระหว่างภาวะขาดน้ำเรื้อรัง และความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การตกอยู่ในภาวะขาดน้ำสามารถทำให้อารมณ์ สมาธิ และพลังงานเปลี่ยนไป ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อนิสัยการทานอาหาร หากคุณมักเติมความหวานให้ร่างกาย โดยพึ่งเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลสูง ก็อาจหลีกเลี่ยงโดยใส่ผลไม้สดลงไปในน้ำเปล่าเพื่อเพิ่มรสชาติแทน ซึ่งอาจช่วยให้คุณดื่มน้ำในระหว่างวันได้มากขึ้น

5.ออกกำลังกาย

การไม่ได้ออกจากบ้านไปเปิดหูเปิดตาเป็นเวลานานอาจทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อ เครียด และทานอาหารมากกว่าปกติ อย่างไรก็ดี หนึ่งในวิธีที่ช่วยคลายเครียดได้ก็คือ การออกกำลังกาย แม้ว่ายิมไม่ได้เปิดให้บริการในเวลานี้ แต่คุณก็สามารถออกกำลังกายที่บ้าน โดยอาจดูจากใน Youtube หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า การออกกำลังกายสามารถช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและคลายเครียด ซึ่งอาจลดโอกาสที่คุณจะทานอาหารมากขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากความเครียด

6.อย่าปล่อยให้ความเบื่อเข้าครอบงำ

เมื่อมีเวลาว่างเหลือเฟือในระหว่างที่เก็บตัวอยู่บ้าน บางคนก็อาจรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต อย่างไรก็ตาม คุณอาจใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จัดห้องนอนหรือบ้านให้ไฉไลกว่าเดิม ลงคอร์สเรียนออนไลน์ หรือลองเปิดใจให้กับงานอดิเรกที่ไม่เคยทำ ทั้งนี้การเรียนรู้ หรือเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันความรู้สึกเบื่อได้เท่านั้น แต่ยังทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากขึ้น และเครียดน้อยลง

7.จดจ่อกับอาหารที่ทาน

แม้ว่าการได้ดูรายการโทรทัศน์ที่ชอบ หรือการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ สามารถช่วยให้เราหายเครียดจากสถานการณ์ตอนนี้ได้บ้าง แต่ก็ควรจำกัดเวลาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาทานอาหาร เพราะการดูโทรทัศน์ หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือในระหว่างนี้ อาจทำให้คุณมัวแต่จดจ่อกับสื่อตรงหน้าจนเผลอทานอาหารมากไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นพยายามจดจ่อกับอาหารที่ทาน และรู้เท่าทันตัวเองว่าตอนนั้นร่างกายกำลังหิวหรืออิ่มแล้ว ซึ่งอาจช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานอาหารมากกว่าปกติ และตระหนักถึงรูปแบบการทานอาหารของตัวเอง และปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอาจต้องอยู่กับ Covid-19 ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ สำหรับใครที่รู้ตัวว่าช่วงนี้อยู่บ้าน และปล่อยตัวจนอ้วนฉุ ก็อาจลองนำวิธีที่แนะนำข้างต้นไปปรับใช้ เพื่อรักษาหุ่นให้เพรียวสวยอยู่เสมอ

รวมบทความดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพ การออกกำลัง โรคและการป้องกัน สาระดีๆ ที่ต้องรีบแชร์ต่อ
uHealthy.co ( ยู เฮลท์ตี้ )