Home สุขภาพดี สุขภาพ ตกขาวมีกลิ่น เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างและต้องดูแลรักษาอย่างไร

ตกขาวมีกลิ่น เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างและต้องดูแลรักษาอย่างไร

ตกขาวมีกลิ่น
ตกขาวมีกลิ่น

ตกขาวมีกลิ่น : ถ้าคุณรู้สึกว่าน้องสาวมีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์หรือไม่ปกติอย่าพึ่งกังวลใจไปเพราะจริงๆแล้วกลิ่นเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุและบางสาเหตุก็สามารถแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว วันนี้ uHealthy.co จะมาแบ่งปันเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพภายในของผู้หญิงให้ทุกคนดูแลตัวเองอย่างเข้าใจกันค่ะ

ตกขาวมีกลิ่นเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างและต้องดูแลรักษาอย่างไร

ตกขาวมีกลิ่นบงบอกโรคได้ดังนี้

1.ตกขาวกลิ่นเหม็นคาวเหมือนปลาเน่า และกลิ่นยิ่งแรงขึ้นเวลามีเพศสัมพันธ์ เวลามีเพศสัมพันธ์กลิ่นจะมีความเหม็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื้อที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้ก็คือเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ปกติแล้วไม่ควรจะมีปริมาณมากในช่องคลอด มันเพิ่มปริมาณมากขึ้นและทำให้เกิดตกขาวที่เยอะและมีกลิ่นเหม็นแต่มักจะไม่ได้รุนแรงจนขนาดว่าทำให้มีการติดเชื้ออักเสบเข้าไปในมดลูกปีกมดลูกขนาดนั้นและไม่ได้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์มา

  • ปัจจัยที่ทำให้มีอาการดังกล่าว ได้แก่ การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ เช่น ทานยาฆ่าเชื้อเพราะว่าเจ็บคอ คออักเสบ มีแผลที่ขา มีแผลที่แขน โดนอะไรบาด หรือโดนอะไรข่วน หรือว่าล้มมีรอยกระแทกพอมีแผลหมอก็ให้ยามาทานการใช้น้ำยาล้างและสรวนล้างในช่องคลอด นอกจากนี้การมีเพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนคู่บ่อยๆก็เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมทำให้เป็นโรคนี้ได้ ทุกอย่างทำให้สภาวะในช่องคลอดมันเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมันเปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่ไม่ควรจะเยอะมันก็เยอะขึ้นและเชื่อแบคทีเรียที่ดีที่ควรจะอยู่ในช่องคลอดลดปริมาณลงเลยทำให้มีอาการดังกล่าว
  • วิธีการรักษา ใช้ยาปฏิชีวนะทาน 7 วันส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นปัญหาการตกขาวกลิ่นมักจะหายไป2-3วันก็หายซึ่งโรคนี้รักษาเฉพาะผู้หญิงคนเดียวผู้ชายไม่ต้องรักษาเพราะไม่ได้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  1. อาการจะคล้ายๆกับโรคแรกที่บอกไป แต่โรคนี้มีการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็จะเป็นเชื้อโปรโตซัวซึ่งเชื้อตัวนี้ทำให้ติดต่อกันได้ ผู้ชายและผู้หญิงก็มีเชื่อนี้ได้ โดยผู้หญิงก็จะมีการตกขาวมีกลิ่นเหม็นและบางคนก็จะมีอาการเจ็บแสบเวลาปัสสาวะ แสบช่องคลอดร่วมด้วย ผู้ชายก็จะรู้สึกเหมือนมีน้ำอะไรออกมาทางปลายท่อปัสสาวะแล้วก็อาจจะรู้สึกเจ็บแสบแต่อาการจะไม่ค่อยชัดเจน และกลิ่นของตกขาวก็จะใกล้เคียงกับโรคแรกก็คือมีกลิ่นคาวปลาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีตกขาวมีกลิ่นเหม็นแบบนี้แนะนำว่าควรจะไปพบแพทย์สูตินารีเวช เพื่อตรวจเนื่องจากว่าต้องแยกระหว่างโรคที่หนึ่งกับรูปที่สองว่าเป็นโรคไหนกันแน่ เพราะโรคนึงรักษาแค่ผู้หญิงคนเดียว แต่อีกโรคนึงต้องรักษาทั้งคู่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายพร้อมกัน เพราะถ้าเกิดไม่ได้รักษาพร้อมกันมันก็จะติดซ้ำไปซ้ำมาได้นอกจากนี้คนที่มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นๆถ้าเกิดว่ามีคนติดแล้วก็ไม่ได้รักษามันก็จะทำให้เป็นซ้ำไปซ้ำมาได้
  2. มีตกขาวมีกลิ่นเหม็นก็อาจบ่งบอกได้ว่าอาจจะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยมะเร็งปากมดลูกเมื่อก้อนมะเร็งมันโตมากขึ้นมันก็จะมีแผล เมื่อมีแผลก็จะมีเลือดออกหรือบางทีก็ตกขาวปนเลือดเชื้อแบคทีเรียมันอาจจะทำให้แผลมันมีการอักเสบแล้วก็มีกลิ่นเหม็นออกมา ลักษณะแบบนี้มันจะเป็นตกขาวปนเลือดมีกลิ่นเหม็นกลิ่นคล้ายคล้ายหนอง แล้วบางช่วงของประจำเดือนอาจจะมีเลือดออกที่ไม่ตรงกับรอบเดือนออกเยอะบ้างออกน้อยบ้าง แล้วเวลามีเพศสัมพันธ์ก็อาจจะมีเลือดออกตามมา ซึ่งมะเร็งปากมดลูกก็จะต้องไปทำการตรวจภายในเพื่อให้เห็นรอยแผลก่อน และก็ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพราะฉะนั้นถ้ามีอาการผิดปกติเหล่านี้แนะนำให้ไปพบแพทย์
  3. ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ก็จะเกี่ยวกับเรื่องของอุ้งเชิงกรานอักเสบมีการอักเสบภายในปากมดลูกมดลูกปีกมดลูกซึ่งเชื้อหลักหลักที่สำคัญก็คือน้องนายกับน้องในเทียมแล้วก็จะมีเชื้อแบคทีเรียอื่นๆด้วยการตกขาวส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีเขียวสีเหลืองมีกลิ่นเหม็นมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจจะรู้สึกเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ซึ่งตรงนี้จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะและต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายตัวไม่ได้ใช้แค่เพียงตัวเดียวเพื่อการรักษา ส่วนการรักษาก็จะรักษาประมาณสองสัปดาห์ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ไม่แนะนำให้ซื้อยารับประทานกินเองถ้าอาการรุนแรงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อฉีดยา แต่ถ้าประเมินแล้วสามารถใช้ยารับประทานได้คุณหมอก็จะให้ยามาทานซึ่งก็จะมียาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ซึ่งถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับอุ้งเชิงกรานอักเสบก็ต้องรักษาทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงค่ะ

กล่าวโดยสรุป

ตกขาวมีกลิ่น กลิ่นของน้องสาวก็คือกลิ่นเฉพาะตัวของผู้หญิงซึ่งเราทุกคนมีกันเป็นปกติเรียกว่า ฟีโรโมนตามธรรมชาติของผู้หญิงเรานั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆหรือสาวๆไม่มากก็ไม่น้อย แล้วถ้าใครกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่แนะนำว่าทางที่ดีที่สุดควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างถูกต้องค่ะ

แล้วพบกันใหม่กับสาระดี ๆในบทความเพื่อสุขภาพ เรื่องราวการดูแลสุขภาพจาก uHealthy.co  ในบทความต่อไปกันนะคะ

Exit mobile version